ทบ.ขอครู-พ่อแม่ช่วยกันชี้แจง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. กล่าวว่า ในฐานะที่อยู่ฝ่ายความมั่นคง เป็นห่วงเรื่องความขัดแย้ง น่าจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และได้รับข้อมูลไม่เพียงพอ รัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ โดยเฉพาะกับน้องๆเยาวชน เพราะพวกเราทุกคนเคยเป็นเด็กมาก่อน เชื่ออะไรเราก็จะเชื่ออย่างนั้น คงต้องอาศัยคนที่อยู่ใกล้ชิด เช่น ครู พ่อ แม่ ช่วยพูดคุยทำความเข้าใจกับเด็ก คงไม่ใช่รัฐบาลที่ต้องเข้าไปแก้ไขเรื่องนี้
“เสรี” ปลุกนวลนรดิศป้อง “ลุงตู่”
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่านวลนรดิศ กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนวัดนวลนรดิศได้ขึ้นป้ายแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใหม่แล้ว หลังจากปลดป้ายเก่าลงมาเริ่มจะเลือนรางไม่ชัดเจน จึงเปลี่ยนให้ชัดเจนขึ้น ส่วนการแสดงออกของนักเรียนและศิษย์เก่าก็ได้ส่งข้อความอธิบายกันให้เข้าใจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวัดนวลนรดิศ มาดำรงตำแหน่งนายกฯในปัจจุบันจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากเผด็จการ ที่ผ่านมาพยายามปฏิรูปประเทศสร้างโครงการมากมาย พยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้มีกระบวนการทางการเมืองพยายามล้มรัฐบาล แย่งชิงอำนาจทางการเมือง ผ่านนักเรียน นักศึกษา สร้างกระแสโลกโซเชียลให้นักเรียนนักศึกษาต่อต้านเกลียดชัง จึงอยากให้ชาวนวลนรดิศทำความเข้าใจกับนักเรียนว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นศิษย์เก่าที่สร้างประโยชน์แก่บ้านเมือง ควรให้กำลังใจกันไม่ให้โดดเดี่ยว ไม่ว่านักเรียนโรงเรียนอื่นจะคิดหรือแสดงออกอย่างไร ชาวนวลนรดิศควรหนักแน่นเชื่อมั่นความเป็นคนดีของศิษย์นวลนรดิศ
บี้นายกฯเปิดช่องให้เด็กหายใจ
ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุม ของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนกล่าวว่า ทราบว่าจะมีการชุมนุมในวันที่ 20-21 ส.ค. อีกหลายแห่ง จึงประสาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และคณะทำงาน ให้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ไม่ อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดี นายกฯ และ รมว.ศึกษาธิการ ต้องกลับมาดูเด็ก อย่าสร้างความแตกแยกเสียเอง ปากบอกอย่าแตกแยกแต่ในทางลับกลับให้เจ้าหน้าที่ไปตามโรงเรียน ขอเปิดช่องให้เด็กเหล่านี้ได้หายใจบ้าง ตำรวจก็อย่าถึงขนาดออกหมายจับ จะไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลเอง และ รมว.ศึกษาธิการเองก็เคยเป็นแกนนำ กปปส. ท่านต้องเข้าใจเด็กเพราะเคยใช้สิทธิเหมือนกัน คณะกรรมาธิการการปกครองจะเชิญเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ รมว.ศึกษาธิการ มาชี้แจงเร็วๆนี้ หากยังไม่ดำเนินการใดๆเราจะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ก้าวไกลจวก รมว.ศธ.หนีสภา
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า ได้ตั้งกระทู้ถามสดนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ถึงปัญหาการคุกคามนักเรียน นักศึกษาที่ออกมาชุมนุมขณะนี้ แต่นายณัฏฐพลไม่ยอมมาตอบคำถามโดยไม่แจ้งให้ทราบ ในเมื่อไม่ มาตอบแต่ให้ความสำคัญกับภารกิจอื่น ก็ขอกล่าวหาเลยว่าหนีสภา ไม่เป็นไรนักเรียนเขาใช้แฮชแท็ก # เลิกเรียนไปกระทรวง นักเรียนคงไปเป่านกหวีดกันแซ่ซ้อง จากข้อมูลศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พบว่ามีอาจารย์คุกคามนักเรียนที่ทำกิจกรรมแสดงออกทางการเมืองในสถานศึกษาถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้วาจาข่มขู่จะไล่ออก ตัดคะแนน หนักข้อถึงลงไม้ลงมือ กระชากผม ตบศีรษะ ล่าสุดมีข่าวว่าเตะนักเรียน เรื่องที่น่ากังวลมากคือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในสถานศึกษา ทีคดีบอส กระทิงแดง ไม่เห็นแข็งขันเหมือนเรื่องนี้เลย ยืนยันว่าการแสดงออกของนักเรียน สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และมีความชอบธรรมไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เมื่อเทียบกับการชุมนุมเมื่อปี 2556-57 หากวันนี้นายณัฏฐพลจะไปรื้อลิ้นชักนำริบบิ้นธงชาติ นกหวีด และผ้าโพกหัวมาทำงาน ก็ทำได้เพราะเป็นสิทธิ
ตอก “ลุงตู่” กลัวอะไรกับชู 3 นิ้ว
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเชิญ ผอ.โรงเรียนหลายพื้นที่มาให้ข้อมูล ซึ่ง ผอ.ทุกโรงเรียนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจะจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยให้นักเรียนแสดงออกทางการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ตรงกันข้ามในเมื่อ ผอ.โรงเรียนไม่ออกมาปกป้อง และมีการกดดันทุกรูปแบบ ขอถามว่าบรรยากาศอำนาจนิยมในโรงเรียนแบบนี้หรือ ที่เราจะเตรียมให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกล้า
แสดงออกเมื่ออายุครบ 18 ปี
นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายกฯระบุว่ามีการบูลลี่เพื่อนนักเรียนให้ออกมาต่อต้านรัฐบาลว่า ทำไมนายกฯถึงไม่พูดถึงประเด็นที่นักเรียนถูกบูลลี่ หรือถูกทำร้ายร่างกาย ทำร้ายข้าวของ โดยครูอาจารย์บ้าง เพราะเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก นายกฯจะกลัวทำไมแค่ริบบิ้น ชู 3 นิ้ว และกระดาษสีขาว มันเป็นอาวุธได้หรือ และตามกฎหมายผิดหรือไม่ อยากให้นายกฯเห็นใจเด็กนักเรียนด้วย เพราะการเมืองเป็นเรื่องทุกคน
แนะเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง
น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า แม้การแสดงออกของเด็กนักเรียนอาจจะแหวกแนวไปจากธรรมเนียมปกติในสังคมบ้าง แต่นี่คือการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยที่ผู้ใหญ่ต้องเปิดใจรับฟัง หากการแสดงออกเป็นไปอย่างสันติ ไม่สร้างผลกระทบต่อคนอื่น เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพที่เป็นรากฐานการสร้างระบอบประชาธิปไตยของคนในชาติ หน้าที่ของครูและผู้ใหญ่ในสังคมคือ ต้องประกันความปลอดภัยให้เด็ก
ร.ร.ฝั่งธนงัดเล่ห์สกัดเด็กรวมกลุ่ม
ส่วนความเคลื่อนไหวการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ เมื่อเวลา 15.00 น. ที่โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ถนนพุทธมณฑลสาย 1 เขตตลิ่งชัน กทม. มีการประกาศเสียงทางสายจากทางโรงเรียนให้นักเรียนรีบกลับบ้าน เพราะทางโรงเรียนจะพ่นยาฆ่าเชื้อโควิดเป็นการด่วน หลังมีผู้ปกครองโทร.มาร้องเรียนว่าทางโรงเรียนไม่มีมาตรการป้องกันที่ดี ภายใต้ชื่อโครงการ “รักแท้ดูแลตัวเอง” แต่พอถึงเวลาจริงกลับไม่มีการพ่นยาฆ่าเชื้อแต่อย่างใด จึงสร้างความงุนงงให้กับอาจารย์บางส่วนและนักเรียน คาดน่าจะเป็นการพยายามสกัดไม่ให้เด็กนักเรียนทำกิจกรรมการเมือง ที่มีการนัดหมายกันในเวลา 16.00 น. ทำให้นักเรียนจำนวนมากรีบกลับบ้านไปก่อน แต่ก็ยังมีนักเรียนอีกกลุ่มกว่า 100 คน รวมตัวกันหน้าประตูโรงเรียน ชูกระดาษสีขาว พร้อมชู 3 นิ้ว ร้องเพลงชาติร่วมกัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป
“ลาดกระบังชังเผด็จการ”
วันเดียวกันเวลา 16.30 น. ที่ลานกิจกรรมข้างสนามกีฬา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (มจล.) กลุ่มนักศึกษา มจล. และเครือข่ายนักศึกษาพระจอมเกล้าฯ นำโดยนายกานต์นิธิ ลิ้มเจริญ จัดกิจกรรมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยภายใต้ชื่อ “ลาดกระบังชังเผด็จการ” มีแกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัยสลับการแสดงดนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการคุกคามนักเรียน นักศึกษา เร่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริง และยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มไอลอว์มาตั้งโต๊ะเชิญชวนนักศึกษา มจล. ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปรากฏว่าได้รับความสนใจมีนักศึกษาจำนวนมากมาเข้าร่วมต่อแถวลงชื่อกันยาวเหยียด บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จากนั้นกลุ่มแกนนำนักศึกษา มจล. ได้มอบธงสัตยา ส่งต่อโครงการให้แกนนำนักศึกษา ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นำจัดกิจกรรมอีกครั้งในวันที่ 25 ส.ค.นี้
ภาษาเกาหลีต้านเผด็จการก็มา
ส่วนที่โรงเรียนบึงกาฬ เขตเทศบาลเมืองบึงกาฬ ขณะที่นักเรียนยืนเข้าแถวเคารพธงชาติบริเวณหน้าเสาธงในตอนเช้า หลังร้องเพลงชาติเสร็จมีนักเรียนส่วนหนึ่งชู 3 นิ้ว แสดงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ ขณะที่นักเรียนหญิงจำนวนมากผูกโบขาว หรือกลัดโบขาวไว้ที่กระเป๋า นอกจากนี้ภายในโรงเรียนยังติดป้ายข้อความแสดงออกทางการเมืองทั้งภาษาไทย ภาษา อังกฤษ ภาษาเกาหลี เช่น หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยุบสภา #ฟ้าแดงไม่เอา เผด็จการ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ ด้านครูได้ขึ้นชี้แจงหน้าเสาธงว่า นักเรียนสามารถทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ได้เพราะทุกคนมีสิทธิ โรงเรียนไม่ห้าม แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และอย่าไปขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวให้ร้ายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นร.ชัยนาทผวาไม่กล้าผูกโบขาว
ที่ จ.ชัยนาท ผู้สื่อข่าวไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณหน้าโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม หลังจากมีครูหลายคนไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกของเด็กนักเรียน พบว่ามีเด็กนักเรียนบางส่วนยังคงผูกโบสีขาวที่กระเป๋านักเรียนและอุปกรณ์ส่วนตัว เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ ขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่กล้าผูกโบขาวแล้วเนื่องจากกลัวถูกครูตำหนิ อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนรัก ประชาธิปไตยที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน นัดรวมตัวกันในวันที่ 22 ส.ค.นี้ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ชัยนาท เพื่อจัดกิจกรรม “ชัยนาทเมืองนก วิหคไม่ตกอยู่ใต้เผด็จการ”
ตั้ง หน.ชุดสอบสวน 6 แกนนำเวที มธ.
ที่ห้องประชุม บก.ภ.จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี แถลงถึงการออกหมายจับ 6 แกนนำกิจกรรมธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.ศูนย์รังสิต) เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นายภาณุพงศ์ จาดนอก นายอานนท์ นำภา นายณัฐชนน ไพโรจน์ นายธนวัฒน์ จันผลึก (พิธีกร) และนายสิทธิ์นนท์ ทรงศิริ (พิธีกร) ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อเข้ามอบตัว แต่ได้แต่งตั้ง ให้ พ.ต.อ.ประเวทย์ ต้นสมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จ. ปทุมธานี เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน
กลุ่ม “นักเรียนเลว” พรึ่บหน้า ศธ.
จากนั้นเวลา 15.30 น. ที่บริเวณริมถนนด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีนักเรียนใช้ชื่อกลุ่ม “นักเรียนเลว” ประมาณ 500 คน จากโรงเรียน มัธยมศึกษาต่างๆในพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ โรงเรียนวัดนวลนรดิศ โรงเรียนเก่าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย โรงเรียนสตรีวิทยา โรงเรียนเบญจมราชาลัย โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนสตรีวัดระฆัง โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เป็นต้น พร้อมประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง มาปักหลักชุมนุมขับไล่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และเรียกร้องให้ ศธ. เร่งรัดปฏิรูปการศึกษา ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน รวมถึงให้ครูรับฟังเสียงเด็กๆบ้าง นักเรียนส่วนใหญ่ติดโบขาว และพกนกหวีดมาเป่าขับไล่นายณัฏฐพล โดยมีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยศิวิไลซ์ และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
เด็กวัดนวลฯไม่รับนายกฯรุ่นพี่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการสลับปราศรัยของแกนนำ โดยมีแกนนำนักเรียนจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศขึ้นปราศรัยเป็นคนแรก ระบุว่าถึงจะอยู่โรงเรียนเดียวกับนายกฯ แต่ไม่ขอรับเป็นรุ่นพี่ ที่ผ่านมาผู้ใหญ่มักบอกว่าเป็นเด็กไม่ควรยุ่งกับการเมือง แต่เด็กก็เสียภาษีเหมือนผู้ใหญ่ แล้วทำไมจึงจะไม่ให้เราแสดงความคิดเห็นบ้าง หากบ้านเมืองดี การเมืองดี คงไม่มีผู้ใหญ่ที่บ้าอำนาจเหมือนปัจจุบัน และเราคงไม่ต้องออกมานั่งร้อนๆ เพื่อประท้วงแบบนี้ ถ้าการศึกษาบ้านเราดีจริงป่านนี้ประเทศไทยคงโด่งดังไปไกลระดับโลกแล้ว และคงไม่มีนักการเมืองโกงเหมือนในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มแกนนำนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆทยอยกันขึ้นปราศรัย โดยเนื้อหาการปราศรัยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวโจมตีการคุกคามจากอำนาจมืด
เป่านกหวีดดังสนั่นไล่ “ณัฏฐพล”
ต่อมาเวลา 16.50 น. นายณัฏฐพลได้เดินทางออกจากกระทรวงมาร่วมรับฟังเสียงสะท้อนของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ถูกนักเรียนและประชาชนพากันเป่านกหวีดไล่ พร้อมตะโกนให้ไปต่อแถวนักเรียนที่ ท้ายแถวเพื่อรับฟังเด็กๆ ไม่ใช่มาใช้อภิสิทธิ์พิเศษแบบนี้ และพากันตะโกนว่า “ออกไป” เสียงดังกึกก้องพร้อมเสียงเป่านกหวีดสลับกันไป ซึ่งนายณัฏฐพลได้เดินฝ่าไปนั่งพูดคุยกับนักเรียนที่มาชุมนุมที่ท้ายแถวพร้อมกับผู้บริหาร ศธ. ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก่อนเดินกลับ ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เป่านกหวีด พร้อมกับตะโกนขับไล่ตามหลังเป็นระยะๆและมีประชาชนบางคนได้สาดน้ำใส่ ทำให้เจ้าหน้าต้องรีบนำตัวนายณัฏฐพลกลับเข้า ศธ. พร้อมกับปิดประตู ศธ.ทันที จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปราศรัยต่ออีกประมาณ 20 นาที จึงสลายการชุมนุมและเดินทางกลับ โดยในระหว่างที่เลิกการชุมนุม มีนักเรียนบางส่วนได้นำริบบิ้นขาวมาผูกที่ประตูทางเข้า ศธ.
รับปากจะไม่เกิดเหตุคุกคามอีก
นายณัฏฐพลกล่าวว่า พร้อมเปิดใจรับฟังปัญหาของนักเรียน โดยแสดงความจริงใจเดินไปหากลุ่ม นักเรียนแม้จะถูกยั่วยุ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนมาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพียงแต่ไม่ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มแกนนำ ประเด็นส่วนใหญ่เป็นเรื่องการพัฒนา การศึกษามากกว่าเรื่องการเมือง ยินดีที่เด็กๆใส่ใจอนาคตของตัวเอง จะมีการเปิดเวทีรับฟังผ่านกลไกสภานักเรียน รวมถึงกำลังหาแนวทางให้นักเรียนได้เสนอแนะความคิดเห็นได้โดยตรง ขอให้สัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่มีครูหรือโรงเรียนไหนเข้ามาคุกคามนักเรียนแน่นอน ส่วนกรณีที่ถูกเด็กนักเรียนเป่านกหวีดใส่เหมือนในอดีตที่ตนเคยทำมานั้น มองว่าเด็กได้เห็นวิธีการแบบนี้มาแล้ว แต่ควรหาแนวทางใหม่ๆในการต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย
ตร.บุกรวบ “อานนท์” หน้าศาลอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ นำภา ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มาว่าความที่ศาลอาญา มีตำรวจนอกเครื่องแบบมารอจับกุมขณะกำลังว่าความอยู่ที่ศาล อาญา ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบบริเวณหน้าศาลอาญาพบว่า มีตำรวจนอกเครื่องแบบนำกำลังมาพร้อมด้วยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถ จยย. ตรึงกำลังอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าศาลอาญา พอนายอานนท์ทำหน้าที่ทนายเสร็จลงมาด้านล่าง ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ และสัมภาษณ์นายอานนท์ในบริเวณศาล นายอานนท์จึงตัดสินใจนั่งสังเกตการณ์อยู่ภายในรั้วศาลอาญา เพราะเกรงว่าออกจากศาลแล้วจะถูกจับ ต่อมาเวลา 18.40 น. ตำรวจศาลได้เดินมาแจ้งให้สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบออกจากพื้นที่ โดยให้เหตุผลว่าศาลปิดเวลาทำการแล้ว และล่าสุดเวลา 19.20 น. พอนายอานนท์ เดินออกมาบริเวณประตูหมายเลข 8 พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม อ่านรายละเอียดหมายจับพร้อมควบคุมตัวนายอานนท์ขึ้นรถไปสอบสวน ที่ สน.ชนะสงคราม
ดีอีเอสแจ้ง ปอท.จับก๊วน “ปวิน”
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แจ้งความต่อ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.ให้ดำเนินคดีแอดมินและผู้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง นายภุชพงค์กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส แจ้งความดำเนินคดีนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
“ชวน” บรรจุญัตติแก้ รธน.เข้าสภา
ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการตรวจสอบญัตติเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า จากการตรวจสอบมีเนื้อหาผิดเพียงเล็กน้อย และมีการขีดฆ่ารายชื่อ 21 ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ถอนชื่อออก ต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยืนยันการขอชื่ออีกครั้ง แต่รายชื่อผู้รับรองมีจำนวนครบไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของ ส.ส.เท่าที่มีอยู่ของสภาฯ ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด ประธานรัฐสภาจึงบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 28 ส.ค.นี้ หากไม่ทันทาง ส.ว.ตอบรับมาว่าจะสละวันประชุมวุฒิสภาวันที่ 15 ก.ย. ให้เป็นวันประชุมรัฐสภา
“บิ๊กป้อม” ไม่เห็นด้วยแก้หมวด 1–2
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคก้าวไกลเตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 รวมอยู่ด้วย จะทำให้เกิดปัญหาในภาพรวมหรือไม่ ว่าเรื่องนี้ต้องคุยกันก่อน พรรค พปชร.ก็กำลังไปคุยกันอยู่ว่าจะแก้อะไรบ้าง เมื่อถามว่ามาตราดังกล่าวค่อนข้างอ่อนไหวต่อความรู้สึกของประชาชน พล.อ.ประวิตรตอบว่า ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย ในรายละเอียดต่างๆต้องมาดูกัน เมื่อถามว่าในอนาคตยังจำเป็นต้องใช้เสียง 250 ส.ว. เลือกนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ให้เขาคุยกันก่อน
วิปรัฐชงแก้ รธน.ไม่แตะปมร้อน
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล แถลงว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลมีมติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ตั้ง ส.ส.ร. แต่จะไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 สำหรับโครงสร้าง ส.ส.ร.อาจประกอบด้วย ตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ และอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นพี่เลี้ยง เช่น สถาบันพระปกเกล้า หรือสำนักงานกฤษฎีกา เป็นต้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ชุดที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน จะเสนอรายงาน เราจะยื่นเป็นเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว เมื่อถามว่าฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว นายวิรัชตอบว่า ไม่จำเป็นต้องยื่นตามฝ่ายค้าน
ปชป.ไม่เอาก้าวล่วงสถาบัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าอย่างน้อยต้องมีการแก้ไขมาตรา 256 แต่ประเด็นไหนที่จะนำไปสู่การก้าวล่วงสถาบันฯ พรรคเราไม่สนับสนุน เราสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนภายใต้กรอบกฎหมาย ส่วนข้อเสนอให้มีการแก้ไขในบทเฉพาะกาลนั้น เห็นว่าวุฒิสภายังมีหน้าที่จำเป็นในการกลั่นกรองกฎหมาย และตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ไม่ขอลงลึกรายละเอียดเรื่องที่มา แต่ต้องจำกัดบทบาทขอบเขตภารกิจ ขณะที่ระบบการเลือกตั้ง เห็นควรกลับมาเป็นระบบ 2 ใบ คือ เลือกคน 1 ใบ และเลือกพรรคอีก 1 ใบ ให้ประชาชนมีทางเลือก สะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชน การตรวจสอบป.ป.ช. โดยให้ที่ประชุมศาลฎีกา หรือกลไกอื่นที่ดูมีความเป็นกลางมากกว่าเป็นผู้พิจารณา รวมถึงบท เฉพาะกาล คงต้องมาหารือร่วมกันว่าจะปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดอย่างไร
ก้าวไกลขอฝ่ายค้านปิดสวิตช์ ส.ว.
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ยื่นแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการตั้ง ส.ส.ร. เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นไว้เเล้ว เพียงเเต่เราขอสงวนความเห็นไว้ในสาระสำคัญบางประเด็น และพรรคก้าวไกลจะร่วมอภิปรายเมื่อญัตตินี้เข้าสู่รัฐสภา ส่วนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคก้าวไกลจะยื่นหลังจากนี้ คือ การปิดสวิตช์ ส.ว. โดยจะเสนอให้ยกเลิกมาตรา 269-272 ที่เปรียบเสมือนกล่องดวงใจการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร โดยวันที่ 20 ส.ค. พรรคก้าวไกลจะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากเรามี ส.ส.แค่ 54 เสียง ไม่ถึง 1 ใน 5 ของสภาฯ จำเป็นต้องขอเสียงพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย
ยันไม่เคยเสนอแก้ไขหมวด 1-2
นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า พรรคยังยืนยันว่าทางออกที่ดีทีสุดคือการตั้ง ส.ส.ร. ให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นร่วมกัน และแสวงหาฉันทามติว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เรายอมรับร่วมกันนั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ในประเด็นเกี่ยวกับหมวด 1 และหมวด 2 ขอย้ำอีกครั้งว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ตอนนี้ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าพรรคเราก้าวล่วง หรือล้มล้างการปกครอง เห็นว่าไม่น่าจะส่งผลดีต่อสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ประเทศไทยมีบทเรียนมาแล้วตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2549 ที่มีการหยิบยกเอาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกัน และไม่ส่งผลดีอย่างใดเลย มีบางฝ่ายบางกลุ่มพยายามยกเรื่องนี้มาขัดขวางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงต้องการกระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง หรือปราบปรามการชุมนุมเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่กำลังลุกขึ้นมาทั่วประเทศในขณะนี้ จะยิ่งทำให้การเมืองเดินไปสู่ทางตัน
ส.ว.ลั่นไม่ให้แตะหมวด 1-2
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กรรมาธิการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวยืนยันว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว.ไม่มีใครติดใจ แต่ห้ามแตะต้องและแก้ไขหมวดสถาบันเด็ดขาด หากร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกลจะแก้หมวด 1 และหมวด 2 ส.ว.จะไม่ร่วมลงชื่อให้แน่นอน เชื่อว่าไม่เฉพาะ ส.ว. แต่รวมถึง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.ฝ่ายค้านที่เหลือ ก็คงไม่มีใครเอาด้วย เพราะเป็นประเด็นที่ดูแล้วไปไกลมาก การเมืองต้องอยู่ใต้บริบทสังคมไทย ทั้งเรื่องจารีตประเพณีวัฒนธรรม หากพรรคฝ่ายค้านยืนยันชัดเจนว่าไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ก็สามารถมาคุยทำความเข้าใจกันได้ รวมถึงประเด็น ส.ว.และบทเฉพาะกาล ก็มาคุยกันได้
สภาฯไฟเขียวสร้างปรองดอง
ช่วงบ่ายที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณารายงานแนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ของคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว โดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางตามที่ กมธ.เสนอมา ทั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดในคดีที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน โดยไม่มีใครคัดค้านญัตติ ให้ถือว่าที่ประชุมลงมติให้ความเห็นชอบ
“บิ๊กบี้” ว่าที่ ผบ.ฟิตเต็มร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการกองทัพบกว่า ทบ.จัดทดสอบสมรรถภาพร่างกายระดับผู้บังคับบัญชา 13 หน่วยภายใน ทบ.ประจำปี 2563 แต่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ไม่ได้ร่วมทดสอบเนื่องจากทดสอบร่วมกับระดับผู้บังคับหน่วยระดับกรมและกองพันไปแล้ว โดยเตรียมตัวเดินทางไปรัฐสภาเพื่อชี้แจงงบฯของ ทบ. มีเพียง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสธ.ทบ. และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ตัวเต็ง ผบ.ทบ.คนใหม่ ร่วมทดสอบ โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผ่านเกณฑ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มทั้งหมด
“บิ๊กแดง” แจงงบฯโวกล้าเปลี่ยน
ขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เพื่อพิจารณางบฯของ ทบ. โดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ชี้แจงว่า ทบ.มีแนวทางปฏิรูปที่ชัดเจนจัดหายุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยใช้เทคโนโลยีเสริมแทนกำลังพล ได้ปรับลดอัตรากำลังพลลงอย่างต่อเนื่อง แก้ไขระเบียบที่ไม่จำเป็นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ยอมรับว่าในอดีต ผบ.ทบ.บางคนอาจจะไม่เด็ดเดี่ยวพอไม่กล้าปรับเปลี่ยน แต่เมื่อ กมธ.ได้ให้ข้อคิดเห็นต่างๆไปตนพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เช่น กรณีสวัสดิการบ้านพักที่ปรับแก้ให้บุคคลที่เกษียณอายุแล้วต้องออกจากบ้านพักทหาร จากนั้น กมธ.ได้พากันซักถามถึงกรณีธุรกิจภายใน ทบ. รวมถึงแนวทางการปฏิรูปที่ยังไม่ชัดเจน อยากให้นำไปปรับแก้ไขเพื่อให้ใช้งบฯสอดคล้องกับความเป็นจริง
ไม่ขัดแก้ รธน.ไม่เป็นศัตรู ปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะ กมธ. ได้สอบถามความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.อภิรัชต์ตอบว่า ได้พูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ เราเป็นทหารประชาธิปไตย ต้องคิดใหม่ต้องค่อยๆเปลี่ยนวัฒนธรรมของเรา ยืนยันว่าไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับประชาชน ทหารถือเป็นประชาชนคนหนึ่ง กลับไปบ้านก็เจอกับครอบครัวที่เป็นประชาชน ทำให้เข้าใจประชาธิปไตย แม้บางครั้งตนอาจจะมีวาทะหรือคำพูดบางอย่างออกไปถือเป็นบทบาทหน้าที่ ในฐานะประชาชนและข้าราชการตนไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯเองยินดีจะเปิดให้แก้ไขตามกฎหมาย เมื่อถามมาตนตอบส่วนตัวแบบนี้
“ธนาธร” งัดหลักฐานใช้งบฯทำไอโอ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ปรึกษา กมธ. สอบถามถึงการนำงบฯไปใช้ในปฏิบัติการไอโอกับคนที่คิดต่างทางการเมือง กล่าวว่า ตนมีเอกสารที่ยืนยันได้ว่ามีการนำงบฯไปใช้กับปฏิบัติการไอโอ ขอให้ช่วยตอบเอางบจากส่วนไหนมาใช้จะได้ตามไปตัดถูกในชั้นอนุ กมธ. เพราะถือเป็นเครื่องมือทำร้ายกัน ทางการเมืองไม่ควรทำ หากทหารไม่พูดเรื่องการเมืองจะทำให้สง่างามมากที่ตนพูดล้วนเป็นความหวังดีไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแต่อยากเห็นกองทัพพัฒนาไปในทางที่ดี หวังว่าสิ่งที่ตนพูดในวันนี้จะทำให้ ผบ.ทบ.เข้าใจตนมากขึ้น และนำไปสู่การปรับปรุงในกองทัพให้มากขึ้น
ผบ.ทบ.บอกไอโอภัยคุกคาม ตปท.
พล.อ.อภิรัชต์ชี้แจงว่า ไม่เคยนำภาษีประชาชนมาใช้เพื่อคุกคามประชาชนด้วยกันเอง เพราะทหารคือประชาชนเช่นกัน แต่ปฏิบัติการไอโอนั้นถูกนำมาใช้ในกรณีภัยคุกคามจากต่างประเทศ งบฯที่ใช้ไม่ใช่งบฯด้านการข่าว ใช้งบด้านสาธารณูปโภค เช่น ค่าโทรศัพท์หรือค่าอินเตอร์เน็ต ทุกเรื่องพยายามให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ต้องเข้าใจว่าการปฏิรูปองค์กรทุกอย่างต้องใช้เวลาขอให้เวลากับ ทบ.ด้วย ตนอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.อีกแค่ 50 วัน นายธนาธรคงไม่เห็นตนแล้ว สิ่งที่ทำเป็นการเริ่มต้นเพื่อให้กองทัพเป็นกองทัพของประชาชน ทุกครั้งที่มีการเชิญมาชี้แจงตนไม่เคยปฏิเสธ เชื่อว่าวันนี้ทหารเข้าใจการเมือง แต่ประชาธิปไตยเสรีภาพต้องมีขอบเขตเช่นกัน เราไม่อยากจะแบ่งแยกเพราะอยู่ในบ้านเดียวกัน และ ทบ.ได้ตัดงบฯที่ไม่จำเป็นจริงๆ
ออกไปแล้ว
“ศักดา” เผยแค่ 4 ส.ค. มีคนโทร.ขู่ไถ
อีกเรื่อง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เป็นประธานประชุม กมธ. เพื่อพิจารณากรณี ส.ส.เรียกรับเงิน 5 ล้านบาท เเลกกับการผ่านงบฯ โดยเชิญนายศักดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และคณะอนุ กมธ.แผนงานและบูรณาการ 2 มาชี้เเจง นายศักดาชี้แจงว่า ตนและคณะเคยชี้แจงอนุ กมธ. เมื่อวันที่ 17, 21, 22 ก.ค. และวันที่ 5 ส.ค. แต่เหตุที่เกิดขึ้นเกิดช่วงค่ำวันที่ 4 ส.ค. เวลา 19.10 น. มีคนโทรศัพท์มาหาพร้อมแนะนำตัว มาของาน ขอเงิน ตามจำนวนที่ตนได้พูดต่อที่ประชุมเอาไว้จริง ข้อมูลตรงนี้ได้ส่งบันทึกให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แล้ว ขออนุญาตไม่บอกว่าเป็นใคร อาจถูกข้อหาหมิ่นประมาทได้ ยืนยันว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์และข่มขู่จริง ป.ป.ช.เชิญไปสอบถามเเล้ว ทาง สตง.ก็ติดต่อมาถ้ากุเรื่องก็ไม่สมควรอยู่ในแผ่นดินไทย ตนมีพยานหลักฐานมากกว่านี้ ในชีวิตผ่านอะไรมาพอสมควร ไม่มีมวยล้ม ถ้าได้อ่านบันทึกที่ส่งให้ผู้บังคับบัญชาคงรู้ว่าเป็นใคร ที่ไม่เปิดเผยเพราะไม่อยากตกเป็นจำเลย
ปิดห้องประชุมลับเค้นคายชื่อ ส.ส.
ต่อมานายสาธิต อุ๋ยตระกูล ส.ส.เพชรบุรี และนายศิริพงษ์ รัศมี ส.ส.กทม. พรรค พปชร. ในฐานะอนุ กมธ.2 เดินเข้ามาในห้องประชุม นายสาธิตกล่าวว่า ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยชาวบ้านถาม เขาเหมารวมไปด้วยว่าได้ส่วนแบ่ง ทำให้ กมธ.หลายคนรุมซักทันทีว่าการมาชี้แจงของอธิบดีฯ ส.ส.ที่เป็นอนุ กมธ.2 คนไหนเป็นคนซักถามมากที่สุดให้บอกชื่อมาเลย นายสาธิตตอบว่า “ก็ซักกันหลายคน มีทั้งพี่ศิริพงษ์ ผม นายอนุรักษ์และพี่มันแกว” ที่ประชุมรุมซักต่อว่า “อนุรักษ์” ไหน พรรคอะไร นายสาธิตได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ จากนั้นมีการขอมติให้ประชุมลับเพื่อให้อธิบดีลงในรายละเอียด และเชิญสื่อออกจากห้องประชุม
โผ ทบ.ฝุ่นตลบ “ตู่” ดัน “บิ๊กณัฐ”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงกลาโหมว่า เหล่าทัพได้จัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2563 เสร็จสิ้น และส่งให้กระทรวงกลาโหมเรียบร้อยแล้ว จะมีการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารประจำปีที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ภายในสัปดาห์นี้ มีคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. โดยกองทัพบกเป็นเหล่าทัพสุดท้ายที่ส่งโผ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่านายกฯผลักดันให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. หรือข้ามไปเป็น ผบ.ทสส. 1 ปี ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2564 เพราะ พล.อ.ณัฐพลครองยศอัตราพลเอกพิเศษ มีอาวุโสสูงสุด อีกทั้งที่ผ่านมาทำงานสนับสนุนงานของรัฐบาล ซึ่งต้องมีการหารือกัน อีกครั้งในการประชุมบอร์ดปรับย้ายฯ
แต่ “บิ๊กแดง” ส่งชื่อ “บิ๊กบี้” คุม ทบ.
ทั้งนี้ มีรายงานว่าการจัดทำบัญชีโยกย้ายในส่วนกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ได้วางตัวบุคคลใน 5 เสือ ทบ.ให้กระจายรุ่น มีชื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เตรียมทหารรุ่น 22 (ตท.22) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ (ตท.19) เสธ.ทบ. เป็นรอง ผบ.ทบ. พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ (ตท.20) แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.ธรรมนูญ วิถี (ตท.22) แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.วรเกียรติ รัตนานนท์ (ตท.20) รอง เสธ.ทบ. เป็น เสธ.ทบ. พร้อมปรับเปลี่ยนแม่ทัพภาคใหม่ทั้งหมด มีชื่อของ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก กลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ขณะที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.ลือชัย เสนอชื่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รอง ผบ.ทร. ขึ้นเป็น ผบ.ทร. ส่วน พล.อ.อ. มานัต เสนอชื่อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผู้ช่วย ผบ.ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ ด้านกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.พรพิพัฒน์ เสนอชื่อ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็น ผบ.ทสส.คนต่อไป
"ข่าว" - Google News
August 19, 2020 at 03:23PM
https://ift.tt/2CIKSo5
บ้านเมืองดีไม่ออกมานั่งร้อนๆ โบขาว-สอนคนแก่ นกหวีดดังสนั่นหน้า ศธ. - ไทยรัฐ
"ข่าว" - Google News
https://ift.tt/3dnfbxU
Home To Blog
No comments:
Post a Comment